Pages

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แกงจืดแปลงร่าง


          เช้านี้ตื่นสายหน่อย ตื่นหกโมงเช้าแต่ลูกสาวคนโตต้องไปเข้าค่ายที่สวนหลวง ร.๙ รถออกเจ็ดโมงครึ่ง คุณเธอต้องกินข้าวก่อนเจ็ดโมง กว่าจะปลุกให้ลุกทั้งสองสาวได้ ลงมาทำกับข้าวเกือบหกโมงครึ่ง หุงข้าวไม่ทันแน่เพราะกว่าจะสุกก็ครึ่งชั่วโมงกว่า...

          เมื่อเย็นวานทำแกงตำลึงหมูสับใส่เต้าหู้ไข่ ยังพอมีเหลือ จะซื้อข้าวเปล่ามา 5 บาท อุ่นแกงจืดให้กินก็ง่าย แต่...สาวๆ บ้านนี้ไม่กินอาหารซ้ำ เสียงคนพี่ไอค้งๆ (เสียงไอมันดังยังงี้รึเปล่า?) ไออย่างนี้ไม่โจ๊กก็ต้องข้าวต้มละ จะต้มโจ๊กให้กิน ใช้ปลายข้าวหอมก็คงไม่ทัน ข้าวอบก็จะเละเหมือนข้าวของขวัญ(ลูกสาวคนเล็กวัย 8 เดือน) กลัวลูกไม่กิน ข้าวต้มดีกว่า เมื่อคืนเหลือนิดหน่อย จับแช่เย็นเอาไว้ เพราะหม้อหุงข้าวใบนี้บูดง่าย จับต้มน้ำส้มสายชูไม่รู้กี่รอบแล้ว ก็ไม่หาย เป็นมาตั้งแต่ซื้อใหม่ๆ นั่นเทียว ยี่ห้อก็ดัง ราคาก็สูง สู้หม้อหุงข้าวใบละไม่กี่ร้อยยังไม่ได้เลย แต่...ยังไม่มีตังค์ซื้อใหม่ง่ะ ไม่กี่ร้อยก็เถอะ...เหอๆ รอไปก่อน

          เตานึงอุ่นแกงจืด อีกเตาเอาข้าวมาใส่หม้อ ผสมน้ำเปล่า ตั้งจนเดือด เบาไฟ คนให้ข้าวกระจายต่อ เคี่ยวต่ออีกนิด ให้ข้าวได้นุ่มขึ้น ไม่เน้นเม็ดสวย ชอบข้าวต้มนุ่มๆ มากกว่าข้าวต้มเม็ดสวยที่ไม่เข้าน้ำเข้าเนื้อ กินแล้วฝืดคอ ข้าวได้ที่ ก็โยนหมูสับที่ปรุงรสนิดหน่อย ปั้นก้อนกลมเล็กๆ ไส้กรอกหั่นท่อน ใส่ลงไปเพื่อยั่วใจเด็กกินยากที่ชอบกินไส้กรอกมาก เติมเกลือ ใส่ซีอิ๊วขาว ผงปรุงรส ยังไม่ต้องเข้มข้นมาก น้ำแกงจืดที่อุ่นก็งวดลง มันต้องเค็มขึ้น ตักแกงจืดใส่ผสมคนเข้ากัน แล้วชิมรส ขาดอะไรค่อยปรุงเพิ่มไป ปิดไฟ ใส่ต้นหอมซอย ขึ้นฉ่ายซอย ไม่ใส่ตังฉ่าย เพราะรีบ มื้อนี้ยังไม่พร้อมอธิบายกับเด็กกินยาก

          จัดเสิร์ฟ ด้วยข้าวต้มเป็นของร้อนมาก ร้อนทนร้อนนาน แต่เวลาไม่คอยใคร เด็กกินยากและกินช้ามาก เลยต้องมีตัวช่วย จึงรองถ้วยข้าวต้มด้วยจานที่หล่อน้ำไว้ข้างใต้ ก็ช่วยได้บ้าง

          ถ่ายรูปไม่ทัน หน้าตาไม่งามนัก เพราะตำลึงเป็นของเมื่อวาน สีจึงซีดลง ไม่เขียวสดสวย เม็ดข้าวไม่สวย ไส้กรอกกับข้าวต้ม แปลกๆ ไหม แต่รสชาติดี ลูกสาวยอมกิน คนโตหมดถ้วย คนกลางกินช้าเพราะเป็นจอมลีลาเอาแต่คุย พอแม่ต้องขึ้นไปให้นมน้อง คุณเธอจึงไม่ยอมตักข้าวกินอีกจนได้เวลาต้องไปโรงเรียน

          ความจริงข้าวต้มแบบนี้ก็ทำเป็นอาหารของเด็ก 8 เดือน ได้เหมือนกัน แต่แม่มันหิว เลยเทใส่ถ้วยกินเองเสียหมด อร่อยดีนี่นา ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยทำให้ตัวเล็กกินใหม่ เพราะแม่ต้องอิ่มก่อน เดี๋ยวไม่มีแรงดูหนูนะ อิอิ 


วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Sweet from sugar:น้ำตาลในสูตรขนมอบ


เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้ น้ำตาลจึงมีติดครัวกันทุกบ้าน แต่น้ำตาลที่เรามีกับที่เขียนในสูตรขนมที่อยากทำ จะใช่อย่างเดียวกันหรือเปล่านะ?



น้ำตาลทราย (granulated sugar, white sugar, sugar) หมายถึง น้ำตาลทรายขาวที่ปกติเรามีกันทุกบ้าน จะมีผลึกที่ใหญ่กว่าน้ำตาลเบเกอรี่ เหมาะสำหรับใช้โรยหน้าคุกกี้น้ำตาล ขนมปังกรอบเนยน้ำตาล ผสมสีแต่งหน้าคัพเค้ก น้ำตาลชนิดนี้สามารถใช้ทำขนมอบได้ แต่จะละลายช้าหรือละลายไม่หมดทำให้ไม่ได้ขนมลักษณะดีตามที่ต้องการ ซึ่งหากต้องการใช้แทนน้ำตาลเบเกอรี่และน้ำตาลทรายป่นควรนำมาบดด้วยเครื่องบดอาหารเสียก่อน

น้ำตาลทรายป่น น้ำตาลเบเกอรี่ (caster sugar, bakery sugar, fine sugar, super-fine sugar) คือน้ำตาลทรายที่มีเกล็ดละเอียดกว่าน้ำตาลปกติ เหมาะสำหรับทำขนมอบ เพราะละลายได้ดีกว่า แต่จะมีราคาสูงกว่า สามารถใช้น้ำตาลทรายปกตินำมาบดแทนได้

น้ำตาลไอซิ่ง (icing sugar, powdered sugar, confectioner sugar)คือน้ำตาลทรายที่มีลักษณะเป็นผงละเอียดผสมกับแป้งข้าวโพดหรือแป้งมันประมาณ 1 – 5 % ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ซึ่งอาจใช้ทำขนมแทนน้ำตาลทรายได้(หากไม่มีน้ำตาลธรรมดาจริงๆ) แต่จะทำให้ขนมมีลักษณะที่แตกต่างไปบ้าง **การใช้น้ำตาลไอซิ่งที่ต่างยี่ห้อกันก็ให้รสชาติที่ต่างกัน ลองสังเกตดูค่ะ ผู้เขียนเองเคยทำเค้กแล้วหวานกว่าปกติเพราะลองเปลี่ยนยี่ห้อของน้ำตาลไอซิ่งมาแล้ว** นอกจากใช้โรยหน้าขนม ใช้ทำครีมแต่งหน้าเค้ก ยังมีสูตรขนมบางสูตรที่ใช้น้ำตาลไอซิ่งแทนน้ำตาลทราย เช่นบัตเตอร์เค้กบางสูตร ซึ่งจะให้ลักษณะขนมที่เนียนละเอียดขึ้น แต่หากจะใช้น้ำตาลทรายธรรมดาแทนน้ำตาลไอซิ่ง ควรลดปริมาณน้ำตาลลงเล็กน้อยเพราะจะมีรสหวานกว่าน้ำตาลไอซิ่งซึ่งมีส่วนผสมของแป้ง



น้ำตาลทรายแดง (brown sugar)-บางท้องถิ่นเรียกน้ำตาลอ้อย เป็นน้ำตาลที่ยังมีกากน้ำตาลอยู่(อาจเพราะไม่ได้ถูกทำให้บริสุทธิ์ หรือเติมกากน้ำตาลไปภายหลัง-ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการผลิต) ลักษณะเป็นผงละเอียดคล้ายทรายเปียก อาจจับตัวกันเป็นก้อนบ้างเล็กน้อย มีสีน้ำตาลอ่อน(light brown sugar) สีน้ำตาล(brown sugar) และสีน้ำตาลเข้ม(drak brown sugar) ซึ่งต่างกันที่ปริมาณของกากน้ำตาลที่เหลืออยู่ มีกลิ่นหอม ให้ความหวานน้อยกว่าน้ำตาลทรายขาว สามารถใช้แทนน้ำตาลทรายขาวได้ แต่รสหวานจะน้อยกว่าและจะให้สีและกลิ่นด้วย จึงเหมาะสำหรับขนมที่ต้องการสีน้ำตาลและกลิ่นของน้ำตาลทรายแดง เช่นคุกกี้ช็อกโกแลต คุกกี้ธัญพืช ฟรุตเค้ก

น้ำตาลทรายสีรำ หรือน้ำตาลทรายดิบ ส่วนใหญ่คือน้ำตาลทรายขาวทีนำกากน้ำตาลผสมกลับเข้าไปใหม่เพื่อให้ได้สีและกลิ่น สามารถใช้แทนน้ำตาลทรายขาวได้ แต่ราคาสูงกว่า หรือถ้าสูตรให้ใช้น้ำตาลชนิดนี้สามารถใช้น้ำตาลทรายขาวแทนได้


อยากอ่านเรื่องน้ำตาลเพิ่ม ตามลิงค์ไปเองนะจ๊ะ


ขอบคุณรูปภาพจากเว็บ